issuu
เคยได้ยินกันบ้างไหมเอ่ย?
คนจำนวนไม่น้อย เข้าใจว่า ถ้ามีอาการปวดหลัง ปวดบั้นเอว จะเป็นโรคไต พอมีความเชื่ออย่างนี้ ก็จะไปสรรหาซื้อยาแปลก ๆ มากินกัน บางคนถึงกับต้องกินเป็นประจำ เพราะเชื่อว่ายาล้างไต จะป้องกันโรคไตได้ ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดหลัง หรือปวดบั้นเอวเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากโรคไตเสมอไปและคนที่เริ่มมีอาการโรคไต ก็ไม่จำเพาะว่าต้องปวดหลัง หรือปวดเอวเท่านั้น สำหรับคนปกติ ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ได้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคไตมาแต่กำเนิด ยากนักที่จะเป็นโรคไตกันง่าย ๆ
มีการจำหน่ายยาบางชนิดตามร้านขายยา ที่ทำให้คนเชื่อว่ายาไปล้างไตให้สะอาด
ยาจำพวกหนึ่งเมื่อกินไปแล้วจะมีผลทำให้สีของปัสสาวะเปลี่ยนไปจากปกติ เช่น ยา Rifampicin ซึ่งใช้รักษาวัณโรค ทำให้ปัสสาวะมีสีส้ม-แดง ส่วนยา Methylene blue ทำให้ปัสสาวะมีสีเขียว-น้ำเงิน การกินยาพวกนี้ นอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อไตแล้ว การกินพร่ำเพรื่ออาจก่อให้เกิดอันตรายและผลข้างเคียงอีกด้วย
บางครั้งผู้ป่วยก็จะได้รับการจ่ายยาชุด ประกอบด้วยเสตียรอยด์ และยาแก้ปวดควบคู่กับยาที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อช่วยลดอาการปวดหลัง-ปวดเอว ยิ่งทำให้มีความรู้สึกว่า ยาไปทำให้ไตแข็งแรง หายปวด แถมล้างไตได้อีก
ยาบางยี่ห้อก็มีรูปไตติดหน้ากล่อง เป็นการโฆษณาชวนเชื่อว่ากินแล้วจะไปบำรุงไต อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ยาประเภทนี้ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่อย่างใด หากร้านขายยาร้านไหน แนะนำให้ซื้อยาล้างไต หรือยาบำรุงไตแล้ว ให้หลีกเลี่ยงให้ไกล เพราะในทางการแพทย์ ไม่มียาชนิดไหนในโลก จะสามารถล้างไตได้ค่ะ
หากไม่อยากเป็นโรคไต
-
ต้องดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
-
ดื่มน้ำให้มาก ๆ ไม่อั้นปัสสาวะ และไม่กินยาหรือวิตามินพร่ำเพรื่อ
-
ส่วนผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องรับประทานยาคุมความดันโลหิต และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ จึงจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไตวายเรื้อรังได้จริง ๆ
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว ก็เลิกหาซื้อยาล้างไตหรือยาบำรุงไตกันเถอะค่ะ เพราะขืนกินเข้าไปมาก ๆ จะได้เป็นโรคไตได้ แต่อาจทำให้มีโอกาสต้องไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลกันจริง ๆ