issuu
ภาวะไขมันสูงในเลือด คือ ภาวะที่มีระดับไขมันชนิดต่างๆในเลือดสูงมากจนเกินไป เช่น โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์
การมีไขมันในเลือดสูง ทำให้ไขมันจับตามผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดตีบ เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นคือ เหมือนกับท่อระบายน้ำ ที่มีคราบตะกรันติดอยู่ ทำให้น้ำไหลยากขึ้น เมื่อปล่อยทิ้งไว้ ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะความดันโลหิตสูง อวัยวะขาดเลือด ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
โรคไขมันในเลือดสูงได้ถูกตั้งสมญานามว่าเป็นนักฆ่าเงียบ เช่นเดียวกับความดันโลหิตสูง เพราะจะไม่แสดงอาการจนกว่าร่างกายจะทนไม่ได้
ยาที่ใช้ในภาวะไขมันในเลือดสูง
โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยที่เริ่มมีภาวะไขมันในเลือดสูงควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และลดหรือหยุดสูบบุหรี่ หากทำตามที่แพทย์แนะนำแล้วไม่สามารถควบคุมภาวะไขมันในเลือดสูงได้ แพทย์อาจจะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาร่วมด้วย ซึ่งยาที่ใช้สำหรับภาวะไขมันในเลือดสูงมีอยู่หลายกลุ่ม ได้แก่
-
ยากลุ่ม statins เช่น simvastatin , atorvastatin , rosuvastatin
ยากลุ่มนี้สามารถลดโคเลสเตอรอลได้ดี ลดไตรกลีเซอไรด์ได้เล็กน้อย
-
ยากลุ่ม fibric acids derivatives เช่น gemfibrozil , fenofibrate , bezafibrate
ยากลุ่มนี้สามารถลดไตรกลีเซอไรด์ได้ดี ลดโคเลสเตอรอลได้เล็กน้อย
-
ยากลุ่ม nicotinic acid และ analogue เช่น niacin , acipimox
ยากลุ่มนี้สามารถลดไตรกลีเซอไรด์ได้ดี ลดโคเลสเตอรอลได้เล็กน้อย
-
ยากลุ่ม bile acid sequestrants เช่น cholestyramine
ยากลุ่มนี้ลดเพียงโคเลสเตอรอลอย่างเดียว
การจะทราบได้ว่าเรามีภาวะไขมันในเลือดสูงหรือไม่ต้อง จะต้องเจาะเลือดตรวจระดับไขมัน 4 ชนิดคือ LDL , HDL , Triglyceride , Total Cholesterol
การตัดสินใจว่าควรต้องใช้ยาหรือไม่ก็ควรต้องให้แพทย์วินิจฉัย และพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายบุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับ ชนิดของไขมันในเลือดที่สูง และภาวะความรุนแรงของโรค ทั้งนี้แพทย์อาจให้ยา กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือมากกว่า 1 กลุ่มร่วมกัน
ในผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจให้แอสไพรินร่วมด้วย เพื่อป้องกันการอุดตันของลิ่มเลือด
ผลข้างเคียงของยา
ในผู้ป่วยบางราย การรับประทานยาลดไขมันอาจทำให้เกิดอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องเสียได้ ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับยากลุ่ม statins และ fibric acids derivatives อาจต้องตรวจการทำงานของตับเป็นครั้งคราว และบางรายอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จนเดินไม่ไหว
ยากลุ่ม nicotinic acid และ analogue อาจทำให้มีอาการคันและร้อนวูบวาบ อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ทานยาทุกคน ดังนั้นหากผู้ป่วย มีอาการที่กล่าวถึงข้างต้นมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ให้แจ้งแพทย์ประจำตัว หรือเภสัชกรทราบ เพื่อจะได้เปลี่ยนยาให้ ไม่ควรเปลี่ยนยาหรือหยุดยาเองนะคะ
ผู้เรียบเรียง ภญ. อมรรัตน์ รุ่งเรืองฝั่งสาย