issuu
กลุ่มอาการเครียดจากการเมือง ( Political Stress Syndrome : PSS ) ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีความสนใจปัญหาทางการเมือง ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือ เอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น ที่สำคัญคือความคิดคาดการณ์ที่นำไปสู่ความรู้สึกวิตกกังวล หรือกังวลต่อเหตุการณ์ในอนาคต (anticipatory anxiety) เช่น กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเฉกเช่นอุบัติการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นพฤษภาทมิฬ มหาวิปโยคสิบสี่ตุลาหนึ่งหก (14 ต.ค 2516) เหตุการณ์รุนแรงในวันที่ 6 ตุลาคม 2518 เป็นความหวั่นวิตกที่แฝงอยู่ในใจคนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะที่คลั่งไคล้การเมือง คอยติดตามข่าวสาร และได้รับข้อมูลการวิเคราะห์เจาะลึกอยู่เนือง ๆ ทั้งข้อมูลที่ผ่านและไม่ผ่านการกลั่นกรองอุบัติการณ์
จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า 1ใน 4 ของประชากรเป็นอย่างน้อยในขณะนี้ มีปัญหาสุขภาพจิตจนเกิดอาการเครียด อันเนื่องมาจากปัญหาความวุ่นวาย การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางสังคมและการเมืองในปี พ.ศ.2551 โดยบุคคลที่มีความเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพจิตชนิดนี้ได้แก่ กลุ่มนักการเมือง กลุ่มสนับสนุนทั้ง 2 ฝ่าย กลุ่มผู้ติดตาม กลุ่มผู้สนใจข่าวสารการเมือง และกลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพจิต
ลักษณะกลุ่มอาการ ประกอบด้วย
-
อาการทางกาย ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตึงบริเวณขมับ ต้นคอ หรือตามแขนขา นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือหลับแล้วตื่นกลางคืนไม่สามารถหลับต่อได้ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติทั้งที่อยู่ในสภาพปกติ หายใจไม่อิ่ม อึดอัดในช่องท้อง แน่นท้อง ปวดท้อง อึดอัดในช่องท้อง ชาตามร่างกาย
-
อาการทางใจ ได้แก่ อาการวิตกกังวล ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีทางออก สมาธิไม่ดี ฟุ้งซ่านหรือหมกมุ่นมากเกินไป
-
ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น ได้แก่ การโต้เถียงกันกับผู้อื่น หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ตั้งแต่ปานกลาง ถึงรุนแรง โดยไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ มีความคิดที่จะตอบโต้โดยใช้กำลังในการเอาชนะ มีการลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อตอบโต้ มีการเอาชนะทางความคิดกับคนที่เคยมีสัมพันธภาพที่ดีมาก่อนจนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพอย่างรุนแรง
หากมีอาการเหล่านี้ในทั้ง 3 กลุ่มอาการ แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้
-
หันเหความสนใจไปเรื่องอื่น
-
ลดความสำคัญของปัญหาลงมาชั่วขณะ ให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วน ตามหลักอื่น ๆ บ้าง
-
หาทางระบายออกโดยเลือกผู้ที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน
-
ออกกำลังกายและพักผ่อน
-
ฝึกวิชาผ่อนคลายตัวเอง เช่น ฝึกสติและสมาธิ ฝึกโยคะ ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เช่น การกำหนด ลมหายใจเข้า - ออก
-
หันหาวิธีการที่ทำให้สงบ อาจจะใช้ศาสนามาช่วยขัดเกลาจิตใจ เพื่อปล่อยวาง
ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เอง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง หรือละความสนใจในเรื่องอื่นบ้าง หากมีอาการทั้งหมดเกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาหรือจิตแพทย์
สำหรับประชาชนทั่วไป จิตแพทย์แนะนำว่าไม่ควรบริโภคข่าวสารเกินกว่า 40 นาทีต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดภาวะความกดดัน เกิดความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่อง เมื่อดูข่าวการเมืองแล้วควรหันไปดูรายการอื่น ๆ สารคดี ละคร ที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์เพื่อให้สภาวะอารมณ์คงที่ คนที่ดูข่าวสารความรุนแรงวันละ 24 ชั่วโมงจะทำให้สมองถูกล้าง และ ทำให้เกิดความเคียดแค้น วิตกกังวล ตลอดจนฮึกเหิม ก้าวร้าวรุนแรง ทำให้มีอาการทางจิตเกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ปกครองไม่ควรจะให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพข่าวทางการเมืองโดยเฉพาะเหตุการณ์รุนแรงจากการปะทะที่เกิดขึ้นเพราะยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เข้าสู่วัยรุ่นสภาพจิตใจอ่อนไหวง่ายดังนั้นเมื่อเด็กเห็นภาพต่างๆก็จะจดจำเก็บไว้เป็นประสบการณ์ฝังใจจนกลายเป็นเด็กก้าวร้าวและมีความรุนแรงทางอารมณ์ในอนาคต
ศึกษาความรู้เพิ่มเติมหรือขอรับบริการปรึกษา ได้ที่ www.dmh.go.th คลินิกคลายเครียด ในสถานบริการสุขภาพจิตทั่วประเทศ โทรศัพท์สายด่วน 1323 รวม 17 คู่สาย ในกรณีที่สายไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ ให้ฝากข้อความได้ที่ โทรศัพท์อัตโนมัติ หมายเลข 1667 (140 คู่สาย) บริการให้การปรึกษาผ่านรทาง e-mail address : counseling_sty@hotmail.com จันทร์ - ศุกร์ (16.00 ? 24.00 น.) และ เสาร์ - อาทิตย์ (08.00 ? 24.00 น.) (ที่มาของข้อมูล : กรมสุขภาพจิต)